Market Structure อ่านโครงสร้างตลาดให้เหมือนภาษาของราคา

19 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Market Structure อ่านโครงสร้างตลาดให้เหมือนภาษาของราคา

MARKET STRUCTURE — อ่านโครงสร้างตลาดให้เหมือนภาษาของราคา
โครงสร้างตลาด (Market Structure) คือ “แผนที่” ของราคา
เป็นวิธีมองว่าตลาดกำลัง “สร้าง” หรือ “ทำลาย” ทิศทางของตัวเอง
.
เทรดเดอร์มือใหม่มักพยายามทำนายว่า “ราคาจะไปไหน”
แต่มืออาชีพจะถามว่า “ตอนนี้ตลาดอยู่ในโครงสร้างแบบไหน?”
เพราะเมื่อเข้าใจโครงสร้าง — คุณไม่ต้องเดาอีกต่อไป แค่ “รอจังหวะที่โครงสร้างเปิดโอกาส”
.
1. ความหมายของ Market Structure
Market Structure คือการเรียงตัวของราคาในลักษณะ Higher High / Higher Low
หรือ Lower High / Lower Low
ซึ่งสะท้อนถึงความสมดุลระหว่างแรงซื้อ (Demand) และแรงขาย (Supply)
.
เมื่อแรงซื้อมีพลัง → โครงสร้างจะ “ยกตัวสูงขึ้น”
เมื่อแรงขายมีอิทธิพล → โครงสร้างจะ “ลดระดับลง”
.
“Structure tells the story of who’s in control — buyers or sellers.”
.
2. โครงสร้างพื้นฐานของตลาด
ประเภทโครงสร้าง      ลักษณะราคา                                            พฤติกรรมของแรงซื้อ–แรงขาย        กลยุทธ์ที่เหมาะ
Uptrend                      Higher High (HH) + Higher Low (HL)   Buyer ควบคุมตลาด                             Buy on Dip / Follow Trend
Downtrend                 Lower High (LH) + Lower Low (LL)       Seller ควบคุมตลาด                             Sell on Rally / Breakout
Sideway                       ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ                            Buyer–Seller สมดุลชั่วคราว                Reversal / Breakout
.
ทุกเทรนด์จะมี “วัฏจักร” ของมันเสมอ 
จากขาขึ้น → พักตัว → กลับทิศ → พักอีกครั้ง → แล้ววนซ้ำ
.
3. โครงสร้างระดับ (Structure Level)
ตลาดมีโครงสร้างหลายชั้น (Multi-Structure)
เทรดเดอร์ที่เข้าใจ “ระดับของโครงสร้าง” จะเห็นตลาดในหลายมิติ
.
1. Primary Structure (HTF)
→ ภาพใหญ่ เช่น D1 / H4
→ ใช้บอก “ทิศทางหลัก” ของตลาด

2. Secondary Structure (MTF)
→ ระดับย่อย เช่น H1 / M30
→ ใช้หาจุดกลับตัวภายในเทรนด์ใหญ่

3. Intraday Structure (LTF)
→ เช่น M15 / M5
→ ใช้เข้าจังหวะ Entry
.
“The higher timeframe gives you context.
The lower timeframe gives you timing.”
.
4. การเปลี่ยนโครงสร้าง (Break of Structure - BOS)
สัญญาณสำคัญของการเปลี่ยนเทรนด์คือ “การทะลุโครงสร้างก่อนหน้า”

1. ถ้าเกิด Break of Structure (BOS) ขึ้นเหนือ High เดิม
→ สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น

2. ถ้าเกิด BOS ลงต่ำกว่า Low เดิม
→ สัญญาณกลับตัวเป็นขาลง
แต่ถ้าเป็นเพียง “Fake BOS” หรือหลอกทะลุ
ต้องรอดูว่าเกิด “Change of Character (CHOCH)” ตามมาหรือไม่
เพราะ CHOCH คือสัญญาณเปลี่ยนโมเมนตัมอย่างแท้จริง
.
5. โครงสร้างเชิงเวลา (Market Cycle)
ทุกเทรนด์จะวนตามลูปของ Market Cycle:

1. Accumulation Phase (สะสมแรง)
ตลาดนิ่ง กราฟ Sideway
Smart Money เก็บของ

2. Expansion Phase (เร่งตัว)
ราคาเริ่ม Breakout
เกิดเทรนด์ใหม่

3. Distribution Phase (กระจายแรง)
ราคาราบ แรงซื้อเริ่มอ่อน
Volume ลดลง

4. Decline Phase (ปรับฐาน / กลับตัว)
เทรนด์เปลี่ยนฝั่ง
เกิด BOS / CHOCH

“เข้าในช่วงเริ่มต้นของ Expansion และออกก่อน Distribution —
คือจุดที่เทรดเดอร์ได้เปรียบที่สุด”
.
6. การใช้ Market Structure ในการวางแผนเทรด
1. ดูภาพใหญ่ (HTF Bias):
ขาขึ้น → มองหาโอกาส Buy
ขาลง → มองหาโอกาส Sell

2. รอจังหวะ (Patience):
อย่าเทรดกลางเทรนด์ รอให้ราคา Pullback หรือ Retest โครงสร้าง

3. ยืนยันจุดเข้า (Confirmation):
ใช้ Candlestick หรือ Liquidity เป็นตัว Trigger

4 .วาง SL/TP ตามโครงสร้าง:
SL ใต้ HL หรือเหนือ LH
TP ตาม Swing ต่อไปของโครงสร้าง
.
สรุป: Market Structure คือ DNA ของตลาด
การเข้าใจ Market Structure คือการเข้าใจ “ธรรมชาติของราคา”
มันทำให้คุณไม่ต้องเดา ไม่ต้องกลัว Fakeout และไม่ต้องเทรดตามอารมณ์
.
เพราะเมื่อคุณเห็นภาพว่า “ตลาดอยู่ในโครงสร้างไหน”
คุณจะรู้เองว่า ควรรอ หรือควรลงมือ
.
“Price doesn’t move randomly — it moves structurally.” 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้